• |
  • |

MG EP รถยนต์สเตชั่นแวกอนไฟฟ้า100% ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น ยานยนต์เพื่อทุกคน 

  • 26-11-2020 14:24
  • Admin

 

MG EP For EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถพลังงานไฟฟ้าเพื่อทุกคน 

 

 

           บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยข้อมูลของรถยนต์รุ่นล่าสุด NEW MG EP รถสไตล์สเตชั่นแวกอนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” สร้างบรรทัดฐานให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย และให้สมรรถนะที่เหนือชั้น คุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ 

           รถยนต์เอ็มจีทุมี3แนวคิดสำคัญในการสร้างประกอบไปด้วย  เป็นรถที่มีความทันสมัย (Fashion) โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี (Science and Technology) และเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคา (Value for Money) ตั้งแต่การออกแบบ การคิดค้นนวัตกรรม สมรรถนะ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และระบบความปลอดภัย เพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกสบายและคุ้มค่า ก่อนหน้านี้เอ็มจีได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยและตอกย้ำการเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ทางเลือกด้วยการเปิดตัว NEW MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบรถยนต์ SUV สู่ตลาดเมืองไทยในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา และ NEW MG HS PHEV รถยนต์ Plug-in Hybrid ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้จริง ล่าสุด บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่น คือ NEW MG EP ซึ่งเป็นรถยนต์ในรูปแบบ Station Wagon ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทยเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า

 

 

            นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต หรือ New Generation of Automotive วันนี้ เอ็มจีจึงมีแผนจะแนะนำ NEW MG EP รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” โดยเราวางตำแหน่งให้ NEW MG EP เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” สู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 

(1) มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถ Station Wagon ที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ โดยเมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มที่พื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของได้เป็นอย่างดี  

(2) ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย (Convenience & Safety) ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay พร้อมมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย โดยมีการทำงานผสานกันทั้งระบบ Active และ Passive Safety 

(3) สมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ (Performance) จากแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle - NEDC) และมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

(4) ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว 

  

 

            สีของ MG EP มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight) ส่วนภายในจะเป็นสีดำทุกรุ่น โดยจะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นี้ พร้อมเปิดรับจองภายในงาน และโชว์รูมเอ็มจีทุกสาขาทั่วประเทศ

 

MG EP For EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถพลังงานไฟฟ้าเพื่อทุกคน 

          MG EP โดดเด่นด้วยสไตล์ Station Wagon ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของเอ็มจี มีทุกสิ่ง ครบครันทุกอย่าง  ตอบโจทย์ การใช้งานให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของทุกคน ออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ที่ให้ทั้ง สมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) พร้อมสำหรับทุกรูปแบบการใช้งาน ขับเคลื่อนได้ไกล ประหยัดได้มากกว่า มีต้นทุนการบำรุงรักษา และต้นทุนการเป็นเจ้าของ (COST OF OWNERSHIP) ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

          ดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille ที่ตกแต่งด้วยโครเมียมและสีดำเงาแบบ Piano Black ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ดีไซน์แบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

 

 

 

           การออกแบบภายใน กว้างขวาง นั่งสบาย เบาะนั่งตัดเย็บด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ดีไซน์เส้นสายแบบ CARBOXNYXE  ประณีตในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้าออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Anti-Curved Surface Design) ซึ่งโอบรับกับเส้นสายสรีระได้เป็นอย่างดี นั่งสบายตลอดเส้นทาง  มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเช่น หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlayและ Androi Auto และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างสวยงามและชัดเจน พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล กระจกมองหลังตัดแสง กระจกไฟฟ้าแบบ One Touch Up-Down ด้านคนขับ ที่จะทำให้การใช้งาน มีความง่ายมากยิ่งขึ้น  เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ทำให้มีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร 

 

PERFORMANCEเหลือเฟือต่อการใช้งานประจำวัน

          MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100  ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sportสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่าน แบตเตอรี่ Lithium-Ion มีความจุรวมถึง 50.3 kWh ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง  แบตเตอรี่ของ ป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ภายใต้สภาวะต่างๆ อุปกรณ์ชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ ส่วนระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม ทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่บนทุกสภาพถนน

 

 

ระบบความปลอดภัยเพียงพอกับการใช้จริง

           MG EP มาพร้อมการติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐาน โดยแต่ละระบบจะมีการทำงานผสานกัน ทำให้เกิดความปลอดภัยและมีความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย

ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System)

ระบบกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution)

ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)

ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)

ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)

ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)

ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)

ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

 

 

 ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ารถยนต์ใช้พลังน้ำมัน

            MG EP มาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ได้จากการชาร์จผ่าน MG Home Charger ง่ายๆที่บ้าน โดยสามารถชาร์จจาก 0%-100% และมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 200 บาท(อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 3.96 บาทต่อหน่วย ไม่รวมค่า FT และภาษีมูลค่าเพิ่ม อ้างอิงจากข้อมูลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ณ เดือนมิถุนายน 2563) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน8,000 บาท อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว MG ยังนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module มาใช้ ในกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษานั้น สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะ Module นั้นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้

 

อัพเดตล่าสุด