BYD เปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าขนาด กะทัดรัดรุ่น "Dolphin Surf"
ในเยอรมนี ชาร์จเต็ม 100% วิ่งได้ 322 กม. ราคา ประมาณ 8.5 แสนบาท
BYD Dolphin Surf เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก เหมาะมากๆสำหรับใช้งานในเมือง และ มันเคยปรากฎโฉมครั้งแรกที่งาน เซียงไฮ้ ออโต้โชว์ เมื่อปี 2023 ที่ประเทศจีน
และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลก รวมถึงสื่อฯไทย ที่อยู่ในงาน
หลายคนบอกว่า เข้าไปไทยคงดี ไม่น้อย แต่ ต้องรอเป็นตัวประกอบไทย พวงมาลัยขวา ซึ่งราคาขายในบ้านเราจะต้องถูกกว่าในเยอรมัน
เพราะในยุโรปนั้นมีกำแพงภาษีที่สูง ในขณะที่บ้านเรา อัตราภาษีพิเศษ 0% ดังนั้น ราคา ต้องถูกกว่าราคาในเยอรมันมากๆเลย และ BYD Dolphin Surf เป็นชื่อที่ใช้ในยุโรป
ในจีนนั้นใช้ชื่อว่า Seagull โดยราคาขายในเยอรมันอยู่ ที่ 22,990 ยูโร
Dolphin Surf โดดเด่น ด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ที่คุ้มค่า คุ้มราคา มาพร้อมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบครัน ทั้งหมดก็เพื่อ
ความสะดวกสบาย และฟังก์ชันความบันเทิง ที่มีอยู่ใน รุ่น Active ที่เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 65 กิโลวัตต์ (ประมาณ 88 แรงม้า) แบตเตอรี่ขนาด 43.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ให้ระยะทางวิ่งได้ 322 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 100% และที่น่าสนใน BYD เคลมไว้ว่า วิ่งใช้งานในเมือง สามารถวิ่งได้ถึง 507 กม. (แบบความเร็วต่ำ เหมาะกับจราจรบ้านเรา) ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่แบบ DC และ ความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 22 นาที ด้วยความสามารถในการรองรับการได้สูงถึงชาร์จ 85 กิโลวัตต์
ในด้านการออกแบบ ผสมผสานฟังก์ชั่น และความสปอร์ต เข้าไว้ด้วยกัน โดยให้พื้นที่ภายในเทียบเท่ารถยนต์ระดับคลาสที่สูงกว่า 1 ระดับ เป็นรถแบบ 4 ที่นั่ง
และ มีพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระอยู่ที่ 308 ลิตร ถ้าพับเบาะ จะเพิ่มพื้นที่เป็น 1,037 ลิตร แบตเตอรี่ Blade เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น ได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัย
และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดความร้อน คุณสมบัติมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว
ระบบจดจำเสียง Hi BYD ระบบ Android Auto ไร้สาย และ Apple CarPlay
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ระบบควบคุมจำกัดความเร็วอัจฉริยะ เซ็นเซอร์ที่จอดด้านหลัง
และระบบเบรกอัตโนมัติฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ทุกรุ่นยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Vehicle-to-Load (V2L) ที่สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 3.3 กิโลวัตต์ ให้กับอุปกรณ์ภายนอก รุ่น Comfort (รุ่นท็อป)
ติดตั้งกล้อง 360 องศา มาให้ เบาะนั่งด้านหน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบอุ่น และ แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายติดตั้งมาให้
ภายนอก มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Lime Green, Polar Night Black, Apricity White และ Ice Blue และ ในเยอรมัน นั้นลูกค้าสามารถเลือกสีภายในรถ
จับคู่กับหนังวีแกน สีดำ หรือ สีเทา ได้
BYD มีการรับประกันตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กม. และ การรับประกัน 8 ปี หรือ 200,000 กม. สำหรับแบตเตอรี่ Blade และมอเตอร์ไฟฟ้า
ส่วนเรื่องออฟชั่นที่แตกต่าง เชื่อว่า ตัวที่ประกอบบ้านเราน่าจะมีความแตกต่างของออฟชั่นที่ไม่เหมือนกัน มากกว่าบ้าง น้อยกว่าบ้าง ตามความต้องการ
และวัฒนธรรมการใช้รถยนต์ที่แตกต่างกันไทย เช่น กล้อง 360 องศา อาจมีตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน หรือ ตัดระบบอุ่นเบาะออก เป็นต้น
เอาจริงๆ ก็อยากได้เห็นตัวจริงวิ่งในบ้านเราสักที รอนานแล้ว จะมาชื่ออะไร ก็ได้ Dolphin Surf หรือ Seagull ก็มาเหอะขอราคาดีๆ
รถคันเล็กๆ วิ่งใช้งานในเมืองราคาไม่แพง คล่องตัว แบบนี้ เข้าเป้าแน่นอน
